มีครอบครัวหนึ่ง จำต้องอพยพโยกย้ายถิ่นฐานจากเมืองกูลิสถาน ประเทศอุซเบกิสถาน ไปยังบ้านใหม่ในดินแดนห่างไกลโพ้นกว่า 2,000 ไมล์ คือเมืองลิสกา ประเทศรัสเซีย...
สมาชิกครอบครัว นางระวีลา ไฮโรวา อายุ 52 ปี รู้สึกกังวลว่าเจ้า คาริม แมวสีสวาดเพศผู้ ที่เลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็กจนเติบโต อาจไม่มีความสุขหากหอบหิ้วมันไปอยู่ต่างด้าวต่างแดนด้วย เลยเห็นพ้องต้องกันว่าควรยกให้เพื่อนบ้าน ซึ่งรักเอ็นดูคาริมไม่น้อยกว่า
คุณยายระวีลาได้มอบเฟอร์นิเจอร์และภาชนะ อันน้องเหมียวคาริมโปรดปรานให้เพื่อนบ้านด้วย อาทิ เก้าอี้ พรมปูพื้น ชามใส่อาหารคาริม ด้วยหวังว่าคาริมจะรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
แต่ผิดคาดยิ่งกว่าฟุตบอลโลกพลิกล็อก...สองปีให้หลัง นางระวีลาเห็นเจ้าคาริมนั่งป้อว่ออยู่หน้าประตูบ้านในเมืองลิสกา..สภาพทรุดโทรมน่าเวทนาสงสารจับจิตจับใจ ตามเนื้อตามตัวขะมุกขะมอม ร่างกายผ่ายผอมโซหนังหุ้มกระดูก บาดแผล และรอยแผลเป็นเต็มตัว
"เพื่อนบ้านส่งข่าวว่าหลังเราย้ายไม่กี่วันคาริมหายไป จนสองปีผันผ่าน คาริมก็บากบั่นมาถึงที่นี่ เดี๋ยวนี้คาริมสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมแล้ว" คุณยายเล่าพลางร้องไห้ด้วยความดีใจ
นี่แหละข้อพิสูจน์... วิฬาร์อันว่าแมวเหมียวนั้น "เก้าชีวิต" ยอดทรหดhttp://www.thairath.co.th/column/oversea/joke/91807
แต่ประสบการณ์ในชีวิตจริงของผู้เขียนไม่ใช่แมว แต่เป็นหมาน้อย ซึ่งได้นำนั่งรถไปเที่ยวและไปวิ่งซน หายไปไร้ร่องรอย จวบจนอีก2 อาทิตย์ต่อมา เจ้าหมาน้อยเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน ผอมโซ มอมแมม หิวโหย
ทุกคนในบ้านดีใจมาก และรู้สึกอัศจารรย์ใจที่มันสามารถกลับบ้านมาได้ โดยระยะทางที่หายไปกับบ้าน ไม่ต่ำกว่า 50 ก.ม. จากนั้นทุกคนเลี้ยงดูอย่างดี จนอ้วนท้วนสมบูรณ์และจากเราไปเองด้วยอายุขัย แสดงว่าประสาทสัมผัสของสัตว์เลี้ยงที่รักและผูกพันกับเจ้าของนั้นลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ ประทับใจอย่างมากทีเดียว
ทุกคนในบ้านดีใจมาก และรู้สึกอัศจารรย์ใจที่มันสามารถกลับบ้านมาได้ โดยระยะทางที่หายไปกับบ้าน ไม่ต่ำกว่า 50 ก.ม. จากนั้นทุกคนเลี้ยงดูอย่างดี จนอ้วนท้วนสมบูรณ์และจากเราไปเองด้วยอายุขัย แสดงว่าประสาทสัมผัสของสัตว์เลี้ยงที่รักและผูกพันกับเจ้าของนั้นลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ ประทับใจอย่างมากทีเดียว