บล็อกนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ได้ที่อยู่ในความสนใจ

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ศิลาจารึกจดหมายเหตุวัดพระเชตุพนฯ จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเอกสารมรดกความทรงจำของโลกในส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี พ.ศ.2552

แม้เวลาจะผ่านไป 178 ปีแล้ว  นับตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ พระอารามหลวงประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อพ.ศ. 2373  วัดพระเชตุพนฯก็ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้สรรพวิทยาอย่างมั่นคงตลอดมา  ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก  ที่คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลก จึงเสนอคณะกรรมการองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) หรือยูเนสโก (UNESCO) พิจารณาขึ้นทะเบียนจารึกวัดพระเชตุพนฯ เป็นมรดกความทรงจำของโลกในปีพ.ศ. 2552

เนื่องจากองค์ความรู้ของจารึกดังกล่าวมีความสำคัญระดับสากล และมีวิชาหลากหลายที่เป็นสากลด้วย โดยเฉพาะเรื่องการแพทย์แผนโบราณ การบริหารกายเพื่อบำบัดโรค เช่น ตำราแพทย์ วิชาฤาษีดัดตน เป็นต้น
จากนั้นก็รีบเข้าไปนมัสการ พระพุทธไสยาสซึ่งพระบาทสมเด็จฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๓ ทรงสร้างขึ้นครั้งทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน  เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕
การปฏิสังขรณ์ครั้งนั้น ได้โปรดฯให้ขยายเขตพระอารามออกไปทางทิศเหนือ
แล้วโปรดฯให้สร้างพระพุทธไสยาสขึ้น ป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ด้านพระพักตร์สูง ๑๕ เมตร  มีความยาวตลอดทั้งองค์ถึง ๔๖ เมตร  พื้นพระบาทประดับด้วยมุกไฟเป็นภาพมงคล ๑๐๘ พระพุทธไสยาสองค์นี้ได้รับการขนานนามว่า เป็นพระพุทธไสยาสองค์ใหญ่ ที่มีความงดงามที่สุดในประเทศไทย
ยังมีเรื่องราวในรายละเอียดอีกมาก ขอเชิญอ่านต่อที่...
http://gotoknow.org/blog/goodliving/173034

http://www.watpho.com/th/home/





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น