บล็อกนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ได้ที่อยู่ในความสนใจ

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553


16 กันยา วันโอโซนโลก

'World Ozone Day' 16 กันยายน วันแห่งการพิทักษ์บรรยากาศชั้นโอโซน

ยิ่งอุตสาหกรรมก้าวหน้าไปมากเท่าไหร่ ชั้นบรรยากาศก็ยิ่งถูกปกคลุมไปด้วยก๊าซพิษมากขึ้นเท่านั้น
ทำให้ชั้นบรรยากาศต่างๆ ถูกทำลายลงโดยเฉพาะโอโซน (OZONE)
ที่ถือเป็นก๊าซที่พบมากในชั้นบรรยากาศของโลก
ทำหน้าช่วยกรองรังสีต่างๆ ดวงอาทิตย์ไม่ให้เข้าสู่โลกของเรา
จึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่เมื่อ โอโซนถูกทำลาย
ก็ย่อมส่งผลต่อโลกของเรา
อาจทำให้โลกร้อนขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่างๆ ตามมามากมาย
ด้วยเหตุนี้มนุษย์โลกจึงหันมาใส่ใจกับการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น
และได้มีการกำหนดให้วันที่ 16 กันยายน
เป็นวันโอโซนโลก (World Ozone Day) เพื่อเป็นการพิทักษ์บรรยากาศชั้นโอโซน 

ความเป็นมา...ของวันโอโซนโลก World Ozone Day

ในช่วง 20 – 30 ปีที่ผ่านมาได้มีการนำสารเคมีซีเอฟซี
หรือคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC : chlorofluorocarbon)
จำนวนมากมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็น
(เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ)
และอุตสาหกรรมการผลิตโฟม ทำให้มีซีเอฟซีระเหยขึ้นสู่บรรยากาศ
และไปทำปฏิกิริยากับก๊าซโอโซน ทำให้ก๊าซโอโซนถูกทำลาย
จนมีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ซีเอฟซียังสลายตัวได้ยาก จึงตกค้างในบรรยากาศได้ยาวนาน
ทำให้ก๊าซโอโซนถูกทำลายได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
เมื่อก๊าซโอโซนลดน้อยลง
ก็จะทำให้รังสีอุลตราไวโอเลตเข้าสู่พื้นโลกได้มากจึงเป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างมาก
โดยเฉพาะการเกิดโรคมะเร็งที่ผิวหนัง ดังนั้นการกำหนดให้มีวันโอโซนโลกขึ้น
ก็เพื่อเป็นการพิทักษ์บรรยากาศชั้นโอโซน 

นานาประเทศได้ร่วมกันจัดทำอนุสัญญาการป้องกันชั้นบรรยากาศโอโซน
ขึ้นในปี ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528)
เรียกว่า "อนุสัญญาเวียนนา และพิธีสารว่าด้วยการเลิกใช้สารทำลายชั้นโอโซน"
และจัดให้ลงนามใน "พิธีสารมอนทรีออล" ขึ้นใ
นวันที่ 16 กันยายน ปี ค.ศ.1987 (พ.ศ. 2530)
เป็นส่วนหนึ่งของอนุสัญญาเวียนนาฯ ดังนั้นองค์การสหประชาชาติ
จึงได้ประกาศให้วันที่ 16 กันยายน ของทุกปี
เป็น “วันโอโซนโลก” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา 

สาระสำคัญของอนุสัญญาเวียนนานับว่า เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ
ที่มุ่งมั่นในการพิทักษ์ชั้นโอโซน และเป็นเครื่องมือทางกฎหมายข้อแรก
ที่กลายเป็นรูปแบบของการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน
ปัจจุบันมีประเทศที่ร่วมให้สัตยาบันแล้วรวม 191 ประเทศ
นั่นหมายถึง ชุมชนโลกส่วนใหญ่ ได้พร้อมใจกันที่จะพิทักษ์ชั้นโอโซน 

สำหรับประเทศไทยได้ร่วมลงนามในพิธีสารนี้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2531
และให้สัตยาบัน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2532
มีผลบังคับใช้ต่อประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2532 

ผลของพิธีสารในขั้นต้นสารเคมีที่ถูกควบคุม คือ
สาร CFC (Chlorofluorocarbon) รวม 5 ชนิดและสารฮาลอน (Halon) 3 ชนิด
รวมสารควบคุมทั้งสิ้น 8 ชนิด ซึ่งสารเหล่านี้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท
เช่น สารทำความเย็นในตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ใช้เป็นก๊าซสำหรับเป่าโฟม
และเป็นฉนวนในโฟม รวมทั้งใช้เป็นตัวทำละลายในการทำความสะอาด
ล้างคราบไขมันสิ่งสกปรกในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่สารที่อยู่ในกระป๋องสเปรย์
ส่วนสารฮาลอนใช้เป็นสารดับเพลิงในอุปกรณ์ป้องกัน และระงับอัคคีภัย
ซึ่งการใช้สาร CFC ก็มีมากในการอุตสาหกรรม
นั่นคืออุตสาหกรรมยิ่งพัฒนา ก็จะมีการทำลายโอโซนกันมากเท่านั้น 

เป้าหมายของการกำหนดวันโอโซนโลก 

1. เพื่อกระตุ้นให้ประเทศปฏิบัติต่ออนุสัญญา ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก 

2. เพื่อช่วยกันลดใช้สารซี เอฟ ซี และสารฮาลอน
ซึ่งเป็นตัวทำลายบรรยากาศโอโซนในชั้นบรรยากาศ 

เราจะทำอะไรเพื่อช่วยโลกได้บ้าง 

แม้จะมีสนธิสัญญาเพื่อลดและเลิกการใช้สารซีเอฟซีแล้ว
แต่สารซีเอฟซียังจำเป็นต่ออุตสาหกรรมบางชนิด จึงยังมีการใช้ซีเอฟซีกันอยู่อีกต่อไป
ก๊าซโอโซนก็ยังคงถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง
จนส่งผลกระทบเป็นภาวะโลกร้อนอย่างที่มนุษย์เรากำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้
เราในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของโลก จะสามารถช่วยลดสาร CFC ได้โดย 

1.เลือกซื้อ และใช้เครื่องปรับอากาศที่มีสัญลักษณ์ Non CFCs 

2.หมั่นตรวจเช็กระบบแอร์รถยนต์ในอู่ที่ได้มาตรฐาน
รวมหมั่นล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศบ้าน 

3.ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่งที่ปล่อยสาร CFC ที่จะออกมาทำลายชั้นโอโซนได้
ดังนั้นควรเปลี่ยนตู้เย็นที่ใช้มานานกว่า 10 ปี และไม่เปิดตู้เย็นบ่อย
เพราะจะทำให้ระบบทำความเย็นทำงานหนัก 

4.เลิกใช้อุปกรณ์ที่เป็นลักษณะกระป๋องสเปรย์ รวมทั้งวัสดุที่ทำจากโฟมทั้งหลาย
ซึ่งมีสาร CFC เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิต และวัสดุเหล่านี้ยังย่อยสลายได้ยากอีกด้วย 

16 กันยายน 2553 จาก http://www.voicetv.co.th/content/21368

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น